วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เรื่องปาฏิหาริย์หลวงพ่อพุทธชินราช พิษณุโลก (ตอนที่ ๒)

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน....ฉันได้หยุดพักการเขียนบทความมาหลายวันทีเดียว จนหลวงพ่อใหญ่ได้มาเตือนถึง ๒ ครั้ง  วันนี้ก็ได้ฤกษ์ยามดี จึงตั้งใจจะเขียนต่อให้จบ เพื่อถวายแด่หลวงพ่อใหญ่ต่างเครื่องสักการบูชา และขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ได้เมตตาลูกมาโดยตลอด....ท่านผู้อ่านค่ะ ถ้าท่านมีเรื่องปาฏิหาริย์เกี่ยวกับหลวงพ่อใหญ่ ขอเชิญเขียนส่งมาเผยแพร่ร่วมกันที่บล็อกนี้ได้ค่ะ ยินดีต้อนรับเสมอจ๊ะ

เรื่องที่ฉันจะนำมาเล่าต่อในวันนี้ ก็เป็นเรื่องแปลกแต่จริง เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพุทธชินราช พิษณุโลก......เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔ ต้นเดือนมีนาคม ฉันและครอบครัวได้ไปวัดไทยเป็นครั้งแรก (หลังจากที่ได้อาศัยอยู่ในประเทศสวิสมาเป็นเวลา ๙ ปี)  ตอนนั้นลูกชายคนเล็กเพิ่งเกิดได้ ๒ เดือน.....ตอนนั้นวัดไทยตั้งอยู่ที่ซูริค (เช่าบ้านทำเป็นวัดชั่วคราว)  เหตุที่ฉันไปวัดไทยก็เพราะว่า มีผู้หญิงชาวสวิสท่านหนึ่ง เธอบอกว่าได้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของฉันจากทางสถานทูตไทย ซึ่งทางสถานทูตได้ให้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของผู้รับแปลเอกสารแก่เธอถึง ๓ คน ให้เธอเลือกเองว่าจะให้ใครแปลเอกสารให้ แล้วเธอก็เลือกฉันเป็นคนแปลเอกสารให้ (แปลภาษาไทยเป็นภาษาเยอรมัน) เธอได้โทรมาติดต่อฉัน ๆ ก็ตอบตกลง  แหม่มท่านนี้ได้ไปเรียนหมอนวดแผนโบราณมาจากวัดโพธิ์ แล้วได้รับรูปภาพประกอบเกี่ยวกับการนวดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มาจากครูบาอาจารย์ ซึ่งเขาบรรยายไว้เป็นภาษาไทยโบราณ เธอไม่สามารถเข้าใจได้ จึงหาคนช่วยแปล  ฉันเองก็ไม่เข้าใจ เพราะว่าเป็นภาษาบาลี  ฉันจึงได้ลองโทรไปที่วัดไทย  เผื่อว่าพระท่านจะช่วยได้  พอโทรไปที่วัดและถามพระอาจารย์ ๆ ท่านบอกว่าคงจะเป็นภาษาไทยโบราณ และท่านก็ได้เชิญชวนให้เอาเอกสารไปคุยกันที่วัด บางทีท่านอาจจะช่วยอธิบายให้เข้าใจได้

ฉันกับสามีและลูกสาวคนโตก็ได้เดินทางไปวัดไทยเป็นครั้งแรก  เช้าวันนั้นก่อนตื่นนอน ฉันได้มีนิมิตฝันว่าตนเองกับสามีและลูกสาวได้เดินทางไปสถานที่แห่งหนึ่ง ข้างทางมีศาลาเล็ก ๆ มีม้านั่งให้คนมานั่งพักผ่อนได้ เราก็ได้เข้าไปนั่งพักผ่อน ขณะนั่งพักผ่อนและก็คุยกันเพลิน ๆ อยู่นั้น  บังเอิญฉันได้เหลือบไปเห็นพญานาคตัวใหญ่มากสีทองตัวหนึ่ง นอนหมอบอยู่ที่ข้าง ๆ ม้านั่งด้านที่ฉันนั่ง  และยังมีพญานาคตัวเล็กสีทองเช่นกัน นอนหมอบอยู่ข้าง ๆ พญานาคตัวใหญ่  แต่เขาก็ไม่ทำให้ฉันถึงกับตกใจกลัวหรอกนะ  เขามองฉันด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา  ฉันจึงบอกให้สามีและลูกดูพญานาค  เราก็ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นพญานาคสีทอง  จากนั้นก็เลยสะดุ้งตื่นซะก่อน ก็เสียดายน่ะที่รีบตื่นซะก่อน  แต่ทำไงได้ความฝันก็เป็นอนัตตาไม่อยู่ในบังคับบัญชาของผู้ใด  เช้าวันนั้นฉันตื่นขึ้นด้วยจิตเบิกบานเพราะมีนิมิตที่พิเศษมาก ๆ เลย  แต่ก็ไม่ทราบความหมายของนิมิตนั้นหรอกนะ  จนกระทั่งได้ไปถึงวัดเรียบร้อยแล้ว ได้เห็นพระภิกษุสองรูปอยู่ที่วัด  จิตคิดแวบขึ้นมาทันทีและรู้ความหมายของนิมิตว่า พญานาคตัวใหญ่สีทองก็คือพระเจ้าอาวาสวัดและพระภิกษุอีกรูปหนึ่งที่มาช่วยศาสนกิจนั่นเอง....

วันนั้นฉันก็ได้กราบหลวงพ่อพุทธชินราชที่วัดไทย และได้เสี่ยงเซียมซีด้วย  ฉันได้อธิษฐานต่อหลวงพ่อใหญ่ว่า "ขอให้ทุกคนในครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง และขอให้ประสบสิ่งที่ดี ๆ " พอเขย่ากระบอกเซียมซี เขย่า ๆ ไปเรื่อย ๆปรากฏว่าไม้เซียมซีกระเด็นออกมากองกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด  ฉันก็ขำตนเองที่เขย่ากระบอกเซียมซีไม่เป็น แต่ก็อยากจะเขย่า  สามีและลูกสาวก็หัวเราะชอบใจ  ทันใดนั้นสามีก็เหลือบไปเห็นไม้เซียมซีค้างอยู่ในกระบอกหนึ่งอัน  เขาชี้ให้ฉันดูที่กระบอกเซี่ยมซี  จริง ๆ ด้วยนะ  ยังมีไม้ค้างอยู่อันหนึ่ง เป็นไปได้ยังไง เราเห็นว่าไม้กระเด็นออกจากกระบอกจนเกลี้ยงไม่เหลือเลย แล้วอยู่ ๆ มาได้ยังไง ฉันรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวและงงมาก ๆ เลย มหรรศจรรย์มาก เป็นไปได้ยังไง  พอหยิบไม้ออกมาดู ก็ยิ่งงงมากกว่าเดิมงงใหญ่เลยทีนี้ เพราะตัวเลขที่ได้พิเศษมาก ๆ  "หมายเลข ๑" เป็นเวลา ๙ ปีเต็ม ๆ ที่ฉันไม่เคยเสี่ยงเซียมซี พอได้มาเสี่ยงก็เจอะอะไรที่แปลก ๆ ดี

การไปวัดไทยครั้งนั้นมีผลดีมากมายทีเดียว....ขอกล่าวย้อนไปถึงวัด  วันนั้นโชคดีมากที่วัดไม่มีผู้คนอื่น นอกจากพวกเราเท่านั้น ทำให้การสนทนาสะดวกสบาย ไม่เร่งรีบนัก ท่านเจ้าอาวาสวัดให้การต้อนรับเป็นกันเองดีมาก มีการหาน้ำหาเครื่องดื่มมาบริการโยมด้วย ซึ่งแปลกดี เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนที่พระเสริพน้ำโยม  แต่ก็ประทับใจมาก  จากนั้นฉันก็ได้เอาภาพประกอบการนวดแผนโบราณให้พระท่านช่วยอธิบายคร่าว ๆ พอเข้าใจ  จากนั้นก็มีการสนทนากันตามมารยาท  ฉันก็ได้สนทนากับพระอยู่นานพอสมควร  ในการสนทนาวันนั้นก็มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญ และน่าสนใจมากสำหรับฉัน คือโครงการสร้างวัดไทยถวายสมเด็จย่า พระท่านบอกว่าท่านกำลังหาที่ดินสร้างวัดอยู่  ฉันเกิดจิตศรัทธาอย่างแรงในกุศลเจตนาของท่านเจ้าอาวาสวัดไทย จึงได้บอกกับท่านว่า สามีเป็นสถาปนิกและจะช่วยบอกสามี ให้ช่วยหาที่ดินสร้างวัดให้ เพราะเขารู้จักคนมากพอสมควร  และคิดว่าจะให้เขาออกแบบเขียนแปลนถวายวัดเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ในชีวิต โดยไม่คิดค่าทำงานหรือค่าเสียเวลาใด ๆ.....

พระท่านก็ดีใจมาก ที่ฉันกล่าวไปเช่นนั้น ฉันยังไม่ได้เล่าให้สามีฟังหรอกนะตอนนั้นน่ะ  พอระหว่างกลับบ้าน จึงได้เล่าให้เขาฟังว่า "พระท่านต้องการจะหาที่ดินสร้างวัดไทย ในสวิตเซอร์แลนด์" สามีฉันได้ฟังเรื่องราวที่ฉันได้สนทนากับพระโดยละเอียดเข้าใจดีแล้ว เขาก็ดีใจมากที่จะได้ทำบุญครั้งใหญ่ในชีวิตร่วมกัน เขาตกลงที่จะช่วยเรื่องการหาที่ดิน และตกลงจะเขียนแปลนถวายวัดโดยไม่คิดค่าทำงานและค่าเสียเวลาต่าง ๆ  นับตั้งแต่หลังจากได้ไปวัดไทยมาแล้ว  ชีวิตพวกเราเริ่มเปลี่ยนไปอีกแบบ  วัน ๆ ก็จะพูดคุยแต่เรื่องการสร้างวัด คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาที่ดินสร้างวัดได้สำเร็จ  ช่วงนั้นกระตือรือร้นในการหาที่ดินมาก  ไปดูที่ดินกับพระหลายแห่งโดยสามีฉันเป็นคนติดต่อกับเจ้าของที่ดินแล้วก็จะนัดพระเจ้าอาวาสวัดไปดู ว่าถูกใจและเหมาะสมที่จะสร้างวัดหรือไม่  เราได้ไปดูหลายแห่ง บางแห่งถูกใจท่าน  สามีก็จะลองเขียนแปลนขออนุญาตทางการ  เขียนหลายแปลนมาก บางแห่งก็ได้ใบอนุญาต บางแห่งก็ถูกปฏิเสธ แต่ก็ไม่ย่อท้อกัน หามาเรื่อย ๆ  เป็นเวลาร่วม ๒ ปีแล้ว ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ รู้สึกท้อแท้ก็เลยเงียบไปพักหนึ่ง

มีอยู่วันหนึ่งฉันนึกได้ว่า วัดไทยนี้มีหลวงพ่อพุทธชินราชเป็นพระประธาน ฉะนั้นเราก็ควรจะต้องขอบารมีหลวงพ่อพุทธชินราชช่วยดีกว่า  ฉันจึงได้จุดธูปและตั้งจิตอธิษฐาน ต่อหลวงพ่อใหญ่องค์เล็ก ๆ ที่บ้านว่า "ถ้าลูกและสามีจะมีบุญได้ร่วมสร้างวัดไทยในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหลวงพ่อจะได้มาประทับอยู่ที่วัดนี้ และเพื่อวัดนี้จะได้เป็นที่พึ่งของชาวไทยชาวพุทธ และเพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่พระพุทธศาสนา ก็ขอให้สามีได้พบที่ดินสร้างวัดที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก"  หลังจากที่ฉันได้อธิษฐานจิตต่อหลวงพ่อใหญ่ประมาณ ๒ เดือนต่อมา  สามีก็ได้อ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บังเอิญได้พบเกี่ยวกับโฆษณาขายที่ดินราคาถูก จึงได้รีบโทรติดต่อเจ้าของที่ดินทันที เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาสงาม ๆ  ในที่สุดหลวงพ่อใหญ่ท่านก็เมตตาฉันอีก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นจริงไปได้  แต่หลวงพ่อใหญ่ก็ได้ช่วยให้พบที่ดินที่อยู่ใกล้บ้านฉัน ซึ่งเป็นที่ดินที่เหมาะสมมากในสมัยนั้น ราคาก็ไม่แพงมากนัก  นอกจากช่วยหาที่ดินสร้างวันและเขียนโครงการเขียนแปลนถวายวัดแล้ว สามียังได้ช่วยเรื่องการขออนุญาตจดทะเบียนมูลนิธิสมเด็จย่าเพื่อวัดไทยด้วย  เขาได้ออกแบบถวายโครงการที่ ๑ และโครงการที่ ๒ และได้ช่วยเหลือเรื่องขอใบอนุญาตพระสงฆ์จำนวน ๓ รูปและลูกศิษย์ ๑ ท่าน เพื่อมาปฏิบัติศาสนกิจที่วัดด้วย ทางการของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้อนุญาตให้ตามที่ขอไปสำเร็จด้วยดี  ก็ได้มีวัดไทยที่สวยสง่างามในสไตส์ยุโรปปนไทยด้วยฝีมือของสถาปนิกสวิสเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเกรตเซ่นบาค ก็คือ "วัดศรีนครินทร์ฯ" ปัจจุบันนี่เอง....นี่แหละค่ะ ความศักดิ์สิทธิของหลวงพ่อพุทธชินราชพิษณุโลก ที่ฉันได้ประสบมาด้วยตนเอง  ที่นำมาเล่านี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างที่น่าสนใจส่วนหนึ่ง ยังมีอีกเยอะคะ ไว้โอกาสหน้าพบกันอีก....สวัสดีจ๊ะ